สิ่งที่สตาร์ทอัพจำเป็นต้องปรับตัวในปี 2020
15 ม.ค. 2563

ปัจจุบันต้องยอมรับมีสตาร์ทอัพเกิดใหม่เป็นจำนวนมาก เพราะนอกจากเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำจนใครๆ ก็สามารถพัฒนาตัวเอง พัฒนาทีมจนก่อตั้งเป็นบริษัทที่ผลักดันไอเดียเจ๋งๆ และกลายเป็นสตาร์ทอัพในที่สุด แต่ในข้อดีก็มีเรื่องท้าทายซ่อนอยู่ เพราะโอกาสมักมาพร้อมกับการแข่งขันอย่างหนักหน่วง เพื่อความอยู่รอดและเป้าหมายสูงสุดอย่างแน่นอน ในปี 2020 AIS The StartUp มองเห็นหลายสิ่งที่เหล่าสตาร์ทอัพทั้งหน้าเก่าหน้าใหม่ต้องเรียนรู้ เพื่อปรับตัวให้เท่าทันกับยุคสมัยไม่ให้ใครล้ำหน้าได้ จะมีอะไรบ้างไปทำความรู้จักพร้อมๆ กัน

1. ปรับเปลี่ยนและวางแผนการบริหารเวลาให้เป็น

1.แบ่งหน้าที่ให้คนในทีมอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ทำทั้งหมดในคนๆ เดียว เพราะการทำงานทุกอย่างด้วยตัวเอง หรือแบ่งหน้าที่ไม่ถูกต้อง สุดท้ายแล้วงานทุกอย่างก็จะมากระจุก ไม่พัฒนา ที่สำคัญยังทำให้มีเวลาในการตรวจทานและเพิ่มรายละเอียดให้กับงานมากขึ้นด้วย สตาร์ทอัพที่ดีควรเรียนรู้ที่จะมอบหมายงานให้คนในทีม ซึ่งต้องเป็นคนที่คิดว่าเหมาะสมกับงานด้วย

2. อย่าทำงานแบบไร้ทิศทาง ไม่มีเป้าหมาย เพราะเมื่อไหร่ที่ไม่ได้กำหนดเป้าหมาย และวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน ทำให้ไร้ทิศทางของการทำงาน ก็ไม่ต่างจากการทำงานไปวันๆ และไม่ทำให้ธุรกิจก้าวหน้า แต่การกำหนดเป้าหมายจะช่วยให้รู้วิธีการทำงาน ว่าควรทำอย่างไรจึงจะบรรลุเป้าหมายและควรใช้อะไรบ้างเพื่อให้ไปถึงจุดนั้น

3. รู้จักจัดลำดับความสำคัญของรูปแบบงาน หนึ่งในวิธีที่ง่ายที่สุด ในการบริหารเวลาให้มีประสิทธิภาพคือ ต้องแยกงานระหว่างงานที่สำคัญ และงานเร่งด่วนให้ได้ วิธีแรกต้องเริ่มต้นจากการให้คะแนนงานที่สำคัญจริงๆ ตามมาด้วยงานด่วน งานฉุกเฉิน อย่าให้ความสำคัญของทุกงานเท่าเทียมกัน เพื่อที่จะได้มีเวลาในการพัฒนาธุรกิจด้านอื่นๆ เพิ่มมากขึ้น

2. หมั่นหาความรู้ให้ธุรกิจอยู่เสมอ

ในอีกมุมหนึ่ง การเรียนรู้แบบไม่สิ้นสุด จะทำให้ธุรกิจของคุณพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ ในขณะที่การไม่เรียนรู้อะไรเพิ่มเติมเลย จะทำให้ธุรกิจของคุณกลายเป็นธุรกิจที่ล้าสมัย และติดกับโลกเก่าๆ ของตัวเอง การเรียนรู้จึงเป็นการเปิดโลกกว้างทั้งของตัวคุณและธุรกิจของคุณด้วย

Steve Jobs เคยกล่าวไว้ว่า “Stay Hungry, Stay Foolish” หรือแปลเป็นไทยง่ายๆ ว่า
“จงกระหายและทำตัวให้โง่ตลอดเวลา” เพื่อกระตุ้นให้ตนเองอยากเรียนรู้ ในหลายๆ ครั้งการตั้งคำถามเป็นจุดเริ่มต้นของทุกอย่าง เพราะคำถามทำให้เกิดความอยากรู้ นำมาสู่การหาความรู้เพื่อสนองความอยากนี้จึงได้มาซึ่งความรู้ใหม่ๆ ในท้ายที่สุด

3.เสาะหาเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อต่อยอดธุรกิจ

การสร้างธุรกิจให้เติบโตเป็นสิ่งที่ทุกองค์กรให้ความสำคัญ แต่การสร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดดเป็นสิ่งที่สำคัญมากกว่าสำหรับโลกอนาคต ด้วยการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดทั้งทางธุรกิจ รวมถึงพัฒนาทีมด้วย ณ ตอนนี้ต้องยอมรับว่า AI คือ เทคโนโลยีที่น่าสนใจและจะเข้ามาเพิ่มโอกาสให้กับธุรกิจในอนาคตอย่างแน่นอน อย่างเวลานี้วงการแพทย์ได้นำ AI เข้ามาสนับสนุนการทำงานของแพทย์ และได้รับการพิสูจน์แล้วว่า ทำงานได้ดีกว่าแพทย์ในบางสาขา เพราะมีความสามารถในการจดจำเคสการเจ็บป่วย ประวัติการรักษาคนไข้ได้ดีกว่า และสามารถนำ Big Data มาวิเคราะห์ข้อมูลความเจ็บป่วยที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้อย่างแม่นยำ ในทางเดียวกันกับธุรกิจที่ AI ก็มีบทบาทสำคัญให้การเก็บข้อมูลเพื่อนำไปพัฒนาในอนาคต ส่งเสริมการทำงาน Manual Work ให้คนในทีม หรือการวิเคราะห์เชิงธุรกิจที่สตาร์ทอัพควรศึกษาและมีเอาไว้

4.ใส่ใจทีมเวิร์คและพัฒนาทีมเวิร์ค

ในยุคที่เทคโนโลยีมีเข้ามามีบทบาทแทบทุกอย่างในชีวิตประจำ ผู้คนหันมาใช้ AI เพื่อพัฒนาสิ่งต่างๆ มากขึ้น แต่สิ่งที่สตาร์ทอัพไม่ควรลืม มากกว่าเป้าหมายและผลตอบแทนทางธุรกิจ คือ การรักษาทีมเวิร์คกับคนในทีม การรักษาความสัมพันธ์และให้กำลังใจ ใส่ใจในกันและกัน เพราะสิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่ไม่ว่าเทคโนโลยีชนิดไหนก็ไม่สามารถพัฒนาให้ได้ แต่คือการใช้ใจระหว่างคนในทีมด้วยกันเท่านั้น หากวันใดวันหนึ่งทำใครหล่นหายไป อาจจะเสียทั้งมิตรภาพและบรรยากาศการทำงานที่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

สุดท้ายนี้ ไม่ว่าในปี 2020 จะต้องเจอกับศึกหนักแห่งโลกการแข่งขัน หรือการเผชิญหน้ากับเทคโนโลยีใหม่ๆ นับร้อยพัน จงอย่าลืมเป้าหมายและวัตถุประสงค์ตั้งแต่ก่อตั้งธุรกิจ ที่สำคัญอย่าปล่อยให้ความก้าวหน้า มาทำลายความสัมพันธ์ของคนในทีม AIS The StartUp ขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจ ที่ส่งเสริมให้สตาร์ทมีความมุ่งมั่น พัฒนา และรักษามาตรฐานของการเป็นทีมเวิร์คที่ดี

หากใครที่สนใจเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งในครอบครับ AIS The StartUp สามารถส่งผลงานได้ที่
http://www.ais.th/thestartup/connect.html

บทความโดย
AIS The StartUp