SPEED

การรับส่งข้อมูลที่รวดเร็วขึ้นกว่า

24 เท่า

ของ 4G สามารถดาวน์โหลดไฟล์ หนังระดับ 4K หรือ 8K หรืออัลบั้มเพลงได้ภายในเวลาไม่กี่วินาที ไม่มีสะดุด การสืบค้นหาข้อมูลต่าง ๆ ผ่าน Mobile Internet ก็ทำได้ในเวลาเสี้ยววินาที หรือการใช้งานแบบเรียลไทม์ มากยิ่งขึ้น

LATENCY

อัตราการตอบสนองได้ที่รวดเร็วในระดับที่น้อยกว่า

1-10 Millisecond

สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ เช่น การผ่าตัดทางไกล รถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ หรือ การควบคุมเครื่องจักรในโรงงานหรือในพื้นที่ก่อสร้างจากระยะไกล เป็นต้น

CONNECTIVITY


การรองรับการใช้งานอุปกรณ์ IoT ในระดับล้านตัวต่อ 1 ตารางกิโลเมตร หรือมากกว่าถึง 

10 เท่า

ซึ่งตัวอย่างการใช้งานที่ชัดเจนสุดในกรณีนี้คือ การสร้าง Smart City หรือ เมืองอัจฉริยะ ที่ต้องการเซ็นเซอร์ชนิดต่างๆ จำนวนมากในพื้นที่เมืองไม่ว่าจะเป็นเซ็นเซอร์วัดคุณภาพน้ำ และอากาศ เซ็นเซอร์เพื่อควบคุมระบบแสงสว่างในเมือง รวมถึงเซ็นเซอร์ที่ Smart Pole เพื่อใช้สื่อสารกับ Autonomous car เป็นต้น

5G SA

AIS ให้คนไทยสัมผัส 5G SA ก่อนใครในโลก

Super High Upload Speed
เชื่อมต่อโลกออนไลน์ได้อย่างเร็วกว่า แรงกว่า

Support 8K Ultra HD
รับชมสตรีมมิ่งคอนเทนต์ความคมชัดสูงระดับ 8K ได้อย่างไม่มีสะดุด ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนไทยยุคมิลเลนเนียล

Ultra Low Latency
ด้วยค่าความหน่วงต่ำกว่า 10 มิลลิวินาที จึงตอบสนองได้เร็วยิ่งกว่าสามารถสั่งงานและควบคุมสิ่งต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วด้วยความเสถียรสูงสุด


5G SA ต่างจาก 5G NSA อย่างไร
5G SA (5G Standalone) คือ 5G ที่ไม่ได้ใช้ 4G สำหรับฟังก์ชันการควบคุมใดๆ ซึ่งต่างจาก 5G ประเภท Non-Standalone (NSA) ที่ยังต้องทำงานร่วมกับ 4G เดิมอยู่

โดยข้อได้เปรียบที่สำคัญของ 5G แบบ Standalone (SA) คือรองรับการใช้งานเครือข่าย 5G แบบแยกส่วน (Network Slicing) ทำให้ใช้เวลาในการประมวลผลของแต่ละโปรแกรมน้อยกว่าแบบ Non-Standalone (NSA) ซึ่งส่งผลให้ค่า latency หรือค่าความหน่วงลดลง

5G SA ครอบคลุมพื้นที่ใดบ้าง
5G SA รองรับ Network Coverage เท่ากันกับพื้นที่ที่เปิดให้บริการ 5G NSA อยู่ในปัจจุบัน

สมาร์ทโฟน ที่รองรับ 5G SA

  1. iPhone 15
  2. iPhone 15 Plus
  3. iPhone 15 Pro
  4. iPhone 15 Pro Max
  5. iPhone 14
  6. iPhone 14 Plus
  7. iPhone 14 Pro
  8. iPhone 14 Pro Max
  9. Samsung S23 Series
  10. Samsung Z Fold5
  11. Samsung Z Flip5
  12. Samsung Z Fold4
  13. Samsung Z Flip4
  14. OnePlus 11
  15. ROG 6D | ROG 6 Series
  16. Xiaomi 13 Series
  17. OPPO Find N2 Flip
  18. Vivo X90 Series
  19. Realme GT Series

ลูกค้า iPhone 14 ทุกรุ่นใช้งาน AIS 5G SA ได้แล้ว

  • เปลี่ยนจาก SIM card เป็น eSIM ขั้นตอน คลิก
  • ตั้งค่าการใช้งานบนระบบ iOS
    • ไปที่การตั้งค่า (Setting)
    • ไปที่เซลลูล่าร์ (Cellular)
    • เลือกที่ข้อมูลเซลลูล่าร์ (Cellular Data Option)
    • เลือกเสียงและข้อมูล (Voice & Data)
    • เลือก 5G Auto (5G Standalone)
    • เปิดใช้งาน
  • iPhone 14 ทุกรุ่น ที่จะใช้ 5G SA สำหรับลูกค้าเอไอเอสแพ็กเกจรายเดือนตั้งแต่ 699.- ขึ้นไป

5G CA
(New Radio Carrier Aggregation)

เทคโนโลยีที่รวมคลื่นความถี่ 5G ขยายความสามารถในการรับ-ส่งข้อมูลได้เร็วขึ้น 1.7 เท่า เพื่อให้ 5G สามารถตอบโจทย์การใช้งานได้ดียิ่งขึ้น โดยมีจุดเด่นที่สามารถทำให้คลื่นความถี่ทั้ง 2 ย่าน คือ ความถี่กลาง 2600MHz และย่านความถี่ต่ำ 700MHz ผสมผสาน ส่งเสริมกันและกัน ซึ่งจะช่วยทำให้ การใช้งาน 5G มีศักยภาพสูงขึ้น อัปโหลดและดาวน์โหลดได้เร็วขึ้น และทะลุทะลวงในพื้นที่ที่มีข้อจำกัด

We're AIS 5G Robots
บิวกิ้น พีพี ทดสอบแล้ว AIS 5G ที่ 1 ตัวจริง เพื่อคนไทย
ทดสอบ AIS 5G ที่ 1 ตัวจริงทั่วไทยกับแบมแบม
ทอม อิศรา พาชมนวัตกรรม AIS 5G ที่ 1 ตัวจริง เพื่อคนไทย