Refinn คืออะไร? ธุรกิจ Startup ใหม่มาแรงในยุคนี้
15 เม.ย. 2562

คุณพงศธร ธนบดีภัทร หรือคุณณพ CEO ผู้ก่อตั้งและพัฒนา Refinn  ได้ให้ให้บริการสัมภาษณ์กับทาง AIS The StartUp ว่า Refinn คือ เว็บไซต์สำหรับรีไฟแนนซ์ภาระหนี้สิน ไม่ว่าจะเป็นหนี้บ้าน หนี้รถ หนี้บัตรเครดิต เป็นต้น และการรีไฟแนนซ์ คือ การย้ายธนาคารมาอยู่กับธนาคารใหม่ที่ให้ดอกเบี้ยถูกกว่า และนี่คือสิ่งที่ลูกค้าของ Refinn จะได้รับ

  1. ผู้กู้จะผ่อนถูกลง เช่น แต่ก่อนผ่อนเดือนละ 20,000 บาท อาจจะเหลือเดือนละ 15,000 บาท
  2. ผ่อนระยะสั้นลง เช่น แต่ก่อนผ่อนจาก 30 ปี อาจจะเหลือ 20 ปี
  3. 3. ผู้กู้สามารถรับวงเงินกู้เพิ่มได้ ส่วนต่างตรงนี้เอาไปใช้จ่ายอย่างอื่นได้ เมื่อมีเหตุจำเป็นต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นค่ารักษาพยาบาลหรือว่าค่าทุนการศึกษา เป็นต้น

ดังนั้น การรีไฟแนนซ์ถือว่าเป็นเรื่องที่คนไทยไม่ค่อยรู้ เพราะฉะนั้น Refinn จึงได้เข้ามามีส่วนช่วยทำเรื่องดังกล่าวให้เกิดขึ้นนั่นเอง

กลยุทธ์เด็ด พิชิตใจลูกค้าด้วยวิธีง่ายๆ

Refinn เชื่อว่าการเงินเป็นเรื่องที่ไกลตัวคน พูดง่ายๆ ก็คือถ้าไม่ใช่คนที่ทราบเรื่องตัวเลข จะไม่เข้าใจเลยว่าดอกเบี้ยที่มันต่างกัน 1% มันมีผลขนาดไหน ซึ่ง Refinn ต้องการที่จะจัดตั้งขึ้นมาเหมือนเป็นเพื่อนคู่คิดด้านการเงิน โดยมีความคิดที่ว่า “วันนี้คุณเป็นหนี้ไม่ใช่เรื่องผิดแต่การบริหารหนี้อย่างไม่มีประสิทธิภาพเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย” Refinn จึงเป็นเหมือนเครื่องคิดเลขที่คอยเปรียบเทียบให้หมดว่าทุกธนาคาร 15-25 ธนาคารในประเทศไทย มีการคิดดอกเบี้ยเท่าไหร่บ้าง ยกตัวอย่างเช่น อาม่าหรือว่าเด็กที่ไม่รู้เรื่องการเงินก็ต้องเข้าใจได้ว่าถ้าวันนี้ผ่อนบ้านในราคา 3,000,000 บาท โดนดอกเบี้ย 4,000,000 บาท แต่ถ้าคุณเลือกรีไฟแนนซ์ที่ถูกที่สุดที่ Refinn หาให้จะเหลือดอกเบี้ยแค่ 2,000,000 บาท ประหยัดไป 2,000,000 บาท อาม่ากับเด็กไม่ต้องเข้าใจด้านการเงินแต่ทำให้เข้าใจตัวเลขไปเลย นี่คือสิ่งที่ Refinn ทำ

เคล็ดลับความสำเร็จของธุรกิจ Refinn

ความสำเร็จของ Refinn คือ “การพยายามคิดในมุมของผู้ใช้บริการเป็นหลัก” ไม่มองในมุมมองของนักธุรกิจ ไม่มองในมุมมองของธนาคารของผู้ให้บริการด้านการเงินแต่ต้องมองในมุมมองของคนธรรมดาที่ไม่เข้าใจด้านการเงิน

และล่าสุด Refinn ก็ได้รับ 2 รางวัลจากเวทีระดับมาตรฐานสากล

“ASEAN Rice Bowl StartUp Awards 2018” ณ บาหลี ประเทศอินโดนีเซีย ได้แก่

1.รางวัล Award Best FinTech of ASEAN

2.รางวัล Best AI/Machine Learning of ASEAN

ซึ่งรางวัลนี้ถือเป็นรางวัลที่ทาง Refinn ภูมิใจเป็นอย่างมาก เพราะทาง Refinn เองก็เป็นบริษัทสตาร์ทอัพที่ต้องการความน่าเชื่อถือซึ่งรางวัลนี้เป็นรางวัลที่เราได้รับความน่าเชื่อถือว่าเป็นสตาร์ทอัพที่ดีที่สุดในอาเซียนนั่นเอง

เริ่มแรกเดิมที Refinn เป็นผู้ให้บริการสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านอย่างเดียว ซึ่งการรีไฟแนนซ์บ้าน คือ การที่เราผ่อนบ้านอยู่แต่ดอกเบี้ยแพง แล้วย้ายไปหาดอกเบี้ยที่ถูกกว่า นั่นคือ การทำงานอย่างเดียวที่ Refinn ทำตลอด 2 ปี และได้รับผลตอบที่ดีมากๆ มีคนมาขอสินเชื่อรีไฟแนนซ์ผ่าน Refinn มากกว่าหนึ่งแสนล้านบาทในเวลาแค่ 2 ปีเท่านั้นเอง มองอีกแง่หนึ่งคนไทยสามารถประหยัดดอกเบี้ยไปได้แล้วกว่าหนึ่งพันล้านบาทบาท

สิ่งที่ Refinn กำลังจะทำในปีนี้คือการขยายตัวเพิ่มมากขึ้น จะไม่ใช่แค่การรีไฟแนนซ์บ้านอย่างเดียว โดยทางรีฟินน์จะมีทั้งการรีไฟแนนซ์บ้าน รีไฟแนนซ์รถ รีไฟแนนซ์บัตรเครดิต

การรีไฟแนนซ์รถ คือ การขอวงเงินส่วนต่างเพิ่ม เพื่อเอาไปใช้จ่ายฉุกเฉินซึ่งทางรีฟินน์ก็จะหาดอกเบี้ยที่ถูกที่สุดในประเทศไทยให้นั่นเอง

การรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต คือ Refinn จะทำหน้าที่หาให้ว่ามีธนาคารไหนรับรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตบ้างโดยทางธนาคารจะออกเงินก้อนมาเพื่อให้เราเอาเงินไปปิดหนี้บัตรเครดิตให้หมด จากดอกเบี้ย 20-28% อาจจะผ่อนดอกเบี้ยเหลือแค่ 8-9% เท่านั้น คนที่มีปัญหาด้านการเงินก็จะสามารถก้าวผ่านปัญหาตรงนี้ไปได้นั่นเอง

สิ่งที่ Refinn ได้รับจากครอบครัว AIS The StartUp มี 4 ข้อ ดังนี้

1.การที่ทำให้ Refinn
มีคนรู้จักมากยิ่งขึ้น

เหมือน Refinn มีของดี มีสินค้าดีๆ แต่ไม่มีใครเห็น และ AIS The StartUp มีชื่อเสียง มีความน่าเชื่อถือทำให้ Refinn มีคนรู้จักมากยิ่งขึ้นเหมือนเป็นกระบอกเสียงหนึ่งนั่นเอง

2.ความน่าเชื่อถือ

Refinn เป็นสตาร์ทอัพตั้งใหม่ที่ทำเรื่องการเงิน ซึ่งคนไทยก็จะรู้สึกว่าเรื่องการเงินเป็นสิ่งที่ต้องมีความน่าเชื่อถือสิ่งที่ตามมาก็คือการเกิดคำถามที่ว่า บริษัท Refinn เชื่อถือได้ไหม? แต่เมื่อวันนี้ Refinn ได้อยู่กับ AIS The StartUp ที่เป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักของผู้คนในวงกว้าง สิ่งที่เกิดขึ้นคือคนจะรู้สึกว่า Refinn มีความน่าเชื่อถือนั่นเอง

3.Business consultant

AIS เป็นบริษัทที่มีประสบการณ์ยาวนาน อย่างเรื่อง Call center หรือ Customer service ซึ่งวันนี้ทาง รีฟินก็ได้ออกแบบสตาร์ทอัพให้มีเรื่อง Call center และ Customer service และ Refinn ก็อยากจะให้ลูกค้าได้รับบริการดีๆ เหมือนบริษัทมืออาชีพอย่าง AIS ด้วย และ AIS ก็ได้เปิดโอกาสให้ Refinn เข้าไปอบรมเข้าไปปรึกษา นำทีมงานของ Refinn เข้าไปเรียนรู้งานกับทีม Call center ของ AIS หลังจากนั้นทีมงานของ Refinn ก็มีบริการที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดทันที

4.การขยาย Model ธุรกิจ

แต่ก่อน Refinn ทำธุรกิจแบบ B2C คือ Business to consumer การไปหาลูกค้าแบบเป็นคนๆ ไป แต่ปัจจุบันเมื่อได้เข้ามาอยู่กับ AIS ทาง Refinn ได้ลองโมเดลใหม่ๆ คือ B2B2C คือ Business to business to consumer เนื่องจาก AIS มีพนักงานจำนวนมากรีฟินน์ก็เป็นเหมือนตัวช่วยให้กับพนักงานของบริษัท AIS เข้าไปช่วยให้พนักงานมีการบริหารจัดการเงินที่ดีได้ในขณะเดียวกันนั่นเอง

สำหรับใครที่สนใจเข้ามาทำธุรกิจสตาร์ทอัพสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้ คือ การที่ต้องเข้าใจลูกค้าให้มากที่สุด อาจารย์ของผมเคยสอนเอาไว้ว่าเราต้องฟังเรื่องที่จะฟัง ถ้าเราถามเพื่อน 10-20 คน จะได้มาซึ่งความเห็นที่แตกต่างกันไม่เหมือนกัน เพราะสิ่งที่เป็นความเห็นมีด้วยกันอยู่สองอย่าง Noise และ Feedback

Noise คือ เสียงรบกวนไม่ควรฟัง ส่วน Feedback คือ เรื่องที่ดี เพราะเป็นสิ่งที่เราควรจะนำมาปรับปรุง แต่เราจะแยกยังไงระหว่าง Noise VS Feedback คำตอบง่ายๆ คือ “Feedback ต้องมาจากลูกค้าตัวจริงเท่านั้น”

ซึ่งสิ่งนี้เป็นสิ่งที่สำคัญแต่สตาร์ทอัพหลายคนมักจะหลงลืมกันไป แล้วไปให้ความสนใจแต่เรื่องการออกแบบผลิตภัณฑ์ออกแบบบริการ แล้วก็เกิดการทะเลาะกันในทีมว่าจะทำยังไงดี เพราะเราไม่เคยฟังลูกค้า ให้นึกว่า “เราไม่ทำ Product มาให้เราใช้ แต่เราทำให้ลูกค้าใช้” ดังนั้นคุยกับลูกค้าให้มากที่สุด

วันนี้เราได้รู้แล้วว่าธุรกิจสตาร์ทอัพต้องมองหลายมิติ โดยเฉพาะการ “คิดถึงความต้องการของผู้ใช้เป็นสำคัญ” สิ่งนี้คือตัวขับเคลื่อนให้ธุรกิจไปสู่ความสำเร็จ อย่าง Refinn ที่มองเห็นโอกาสและรู้จักมองหลายแง่มุม หากคุณกำลังเริ่มต้นวางแผนธุรกิจอยู่ลองศึกษาเส้นทางความสำเร็จของ Refinn ดู เพื่อเป็นแนวทางให้ธุรกิจของคุณไปถึงฝั่งฝันอย่างสวยงาม ทาง AIS The StartUp ขอเป็นกำลังใจให้อีกแรง

: www.refinn.com


: www.facebook.com/RefinnOfficial

บทความโดย
AIS The StartUp